[Windows 11/10] วิธีการสร้างและใช้งาน Windows System Image เพื่อทำการคืนค่าคอมพิวเตอร์ของคุณ

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้: โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป, ออลอินวันพีซี, เกมมือถือ, มินิพีซี

 

หากมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นในคอมพิวเตอร์ของคุณ (เช่น ไม่สามารถเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows) คุณสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment (WinRE) แล้วกู้คืน Windows จากอิมเมจระบบได้ อิมเมจระบบประกอบด้วย Windows ปัจจุบัน การตั้งค่าระบบ โปรแกรม และไฟล์ส่วนบุคคลเมื่อคุณสร้าง หากคุณต้องการใช้คุณสมบัตินี้ คุณต้องเตรียม USB แฟลชไดรฟ์เปล่า (อย่างน้อย 2 GB) ก่อนเพื่อสร้างอุปกรณ์ที่สามารถบู๊ตได้ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment และไดรฟ์ในเครื่องอื่นเพื่อบันทึกอิมเมจระบบ (หากคอมพิวเตอร์มีไดรฟ์ภายในสองตัวขึ้นไป) เราขอแนะนำให้คุณสร้างอิมเมจระบบ Windows ใหม่เป็นระยะ เนื่องจาก Windows จะอัปเดตและปรับปรุงความปลอดภัยตลอดจนประสิทธิภาพเป็นประจำ

หมายเหตุ: หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีไดรฟ์ในเครื่องเพียงตัวเดียว คุณต้องเตรียมฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอกเพื่อบันทึกอิมเมจระบบ Windows (ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ว่างบนฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกต้องมากกว่าพื้นที่ที่ใช้บนดิสก์ระบบปัจจุบัน) หากคุณไม่แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีดิสก์เท่าไร กรุณาอ้างอิง please refer to ภาคผนวก: คอมพิวเตอร์ของฉันมีดิสก์เท่าไร

 

โปรดไปที่คำแนะนำที่เกี่ยวข้องตามระบบปฏิบัติการ Windows ปัจจุบันบนคอมพิวเตอร์ของคุณ:

 

ระบบปฏิบัติการ Windows 11 

สารบัญ :

สร้างแฟลชไดร์ฟ USB สําหรับซ่อมแซมระบบ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment

สร้างแฟลชไดรฟ์ USB สำหรับซ่อมแซมระบบ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment โดยใช้คุณสมบัติ “Create a recovery drive” ในตัวใน Windows

  1. พิมพ์และค้นหา [Recovery Drive] ในแถบค้นหาของ Windows① จากนั้นคลิก[Open].
  2. หากพบการแจ้งเตือนใน User Account Control กรุณาเลือก [Yes].
  3. อย่าเลือกช่อง [Back up system files to the recovery drive],และจากนั้นเลือก [Next].
    หมายเหตุ: ขั้นตอนต่อไปนี้จะสำรองข้อมูลระบบของคุณผ่านอิมเมจระบบ (รวมถึงโปรแกรมและไฟล์ส่วนบุคคล) ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องสำรองข้อมูลระบบไปยังไดรฟ์กู้คืนในขั้นตอนนี้ (การสำรองข้อมูลระบบจะไม่รวมโปรแกรมและ ไฟล์ส่วนตัว)
  4. เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ USB ที่คุณต้องการสร้างอุปกรณ์ที่สามารถบู๊ตได้เพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment กับคอมพิวเตอร์ของคุณ
    หมายเหตุ: ไฟล์ทั้งหมดในแฟลชไดรฟ์ USB จะถูกลบออกระหว่างกระบวนการ ดังนั้นโปรดสำรองไฟล์ของคุณก่อน หากคุณมีข้อมูลอยู่ภายใน
  5. ในไดรฟ์ที่ใช้ได้ ให้ยืนยันและเลือกแฟลชไดรฟ์ USB ที่คุณต้องการใช้⑥ จากนั้นเลือก [Next].
    หมายเหตุ: หากคุณจะใช้ฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอกเพื่อบันทึกอิมเมจระบบ คุณสามารถเชื่อมต่ออันเดียวกันเพื่อสร้างอุปกรณ์ที่สามารถบู๊ตได้เพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment (Windows จะสร้างพาร์ติชั่นใหม่บนฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอกโดยอัตโนมัติ)
  6. เลือก [Create],และระบบจะเริ่มสร้างไดรฟ์กู้คืน จะใช้เวลาสักครู่และขึ้นอยู่กับสเปคคอมพิวเตอร์ของคุณและขนาดของเครื่องมือซ่อมแซม
    หมายเหตุ: โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เชื่อมต่ออะแดปเตอร์ AC ระหว่างกระบวนการและอย่าบังคับปิดเครื่องเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด
  7. ไดรฟ์กู้คืน (bootable device) ถูกสร้างขึ้น และโปรดคลิก [Finish].
  8. หากคุณสร้างอุปกรณ์ที่สามารถบู๊ตได้ผ่านฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอก และคุณใช้ไดรฟ์เดียวกันเพื่อบันทึกอิมเมจระบบ โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    พื้นที่ที่เหลือคือสถานะที่ไม่ได้ถูกจัดสรรในฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอก เนื่องจากการสร้างไดรฟ์กู้คืน

    ก่อนสร้าง system image, คุณต้องสร้างพาร์ติชันใหม่ด้วยตนเองและตั้งค่ารูปแบบเป็นประเภท NTFS.คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ .ได้ที่นี่ [Windows 11/10] พาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ ย่อขนาด และขยาย เพื่อสร้างพาร์ติชั่นใหม่

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

สร้าง System Image

เนื่องจาก Windows จะอัปเดตและปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพเป็นประจำ เราขอแนะนำให้คุณทำซ้ำขั้นตอนต่อไปนี้เป็นระยะๆ เพื่อสร้างอิมเมจระบบใหม่และสำรองโปรแกรมและไฟล์ส่วนตัวของคุณ

  1. พิมพ์และค้นหา [Control Panel] ในแถบค้นหาของ Windows, จากนั้นคลิก [Open].   
  2. ในส่วนของ System and Security, เลือก [Backup and Restore (Windows 7)].   
  3. เลือก [Create a system image].   
  4. ในส่วนของ On a hard disk, เลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการบันทึกอิมเมจระบบ, จากนั้นเลือก [Next].   
  5. ระบบจะแสดงรายการไดรฟ์ที่จะสำรองข้อมูลและพื้นที่ดิสก์ที่ต้องการ. โปรดเลือก [Start backup] เพื่อเริ่มสร้างอิมเมจระบบ.จะใช้เวลาสักครู่และขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของอุปกรณ์และขนาดของอิมเมจระบบ ในตัวอย่างนี้ อาจใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการสำรองข้อมูลอิมเมจระบบที่มีพื้นที่ดิสก์ 63 GB
    หมายเหตุ: โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เชื่อมต่ออะแดปเตอร์ AC ในระหว่างกระบวนการ และอย่าฝืนปิดเครื่องเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดใดๆ
  6. คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนต่อไปนี้ในระหว่างขั้นตอนการสร้าง และโปรดเลือก [No].   
    ขั้นตอนนี้คือการสร้างซีดี/ดีวีดีการซ่อมแซมระบบ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment ได้ อย่างไรก็ตามเราแล้ว create a system repair USB flash drive ในบทสุดท้าย ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องสร้างซีดี/ดีวีดีการซ่อมแซมระบบ
  7. การสร้างอิมเมจระบบเสร็จสมบูรณ์ โปรดเลือก [Close].   
  8. ในไดรฟ์ที่คุณบันทึกข้อมูลสำรอง ระบบจะสร้างโฟลเดอร์ WindowsImageBackup ซึ่งเป็นตำแหน่งของอิมเมจระบบ
    หากคุณต้องการเก็บอิมเมจระบบเก่าไว้ คุณสามารถคัดลอกโฟลเดอร์ WindowsImageBackup ทั้งหมดไปยังตำแหน่งใหม่ จากนั้นสร้างอิมเมจระบบใหม่

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

ใช้ System Image เพื่อกู้คืนคอมพิวเตอร์ของคุณ

หากคุณพบว่าคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบู๊ตได้ คุณสามารถใช้ไดรฟ์กู้คืนเพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment (WinRE) จากนั้นกู้คืนคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านอิมเมจระบบ

  1. เชื่อมต่อไดรฟ์กู้คืน (แฟลชไดรฟ์ USB) ที่คุณสร้างเข้ากับคอมพิวเตอร์ ที่นี่คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ How to create a system repair USB flash drive, which can enter Windows Recovery Environment.
  2. เปิดคอมพิวเตอร์และเลือกตัวเลือกการบู๊ตเป็นแฟลชไดรฟ์ USB คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่ How to boot the system from USB drive/CD-ROM.
  3. คอมพิวเตอร์จะเข้าสู่ Windows Recovery Environment จากนั้นโปรดเลือกภาษา
  4. ลือกรูปแบบแป้นพิมพ์ของคุณ
  5. เลือก [Troubleshoot].
  6. เลือก [Advanced options].
  7. เลือก [System Image Recovery].
  8. เลือก [Windows 11].
  9. ระบบจะค้นหาระบบ Image ล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ

    คุณสามารถเลือกอิมเมจระบบด้วยตนเองได้เช่นกัน เลือก [Select a system image], จากนั้นเลือก [Next].
  10. เลือกตำแหน่งอิมเมจระบบที่คุณต้องการใช้,จากนั้นคลิก [Next].
    หากอิมเมจระบบของคุณบันทึกอยู่ในฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก โปรดเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วคลิกรีเฟรช Refresh.
  11. ระบบจะแสดงรายการอิมเมจระบบที่มีทั้งหมดในไดรฟ์นี้ และโปรดเลือกอิมเมจระบบที่คุณต้องการกู้คืน แล้วคลิก [Next].
  12. คุณสามารถฟอร์แมตและแบ่งพาร์ติชันดิสก์ที่มีอยู่ใหม่ได้⑪ ,แล้วคลิก [Next].
  13. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากู้คืนข้อมูลอิมเมจระบบ, แล้วเลือก [Finish].
  14. ระบบจะเตือนคุณว่าข้อมูลทั้งหมดในไดรฟ์ที่จะกู้คืนจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลในอิมเมจระบบ ลือก [Yes] เพื่อเริ่มกระบวนการกู้คืน.
  15. คอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการคืนค่าเรียบร้อยแล้ว และจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติใน 60 วินาที คุณยังสามารถเลือก [Restart now], และคอมพิวเตอร์ของคุณจะเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows หลังจากรีสตาร์ท

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

 

ระบบปฏิบัติการ Windows 10 

สารบัญ :

สร้างแฟลชไดรฟ์ USB สำหรับซ่อมแซมระบบ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment

สร้างแฟลชไดรฟ์ USB สำหรับซ่อมแซมระบบ ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment ด้วยคุณสมบัติ “Create a recovery drive” ในตัวของ Windows

  1. พิมพ์และค้นหา [Create a recovery drive] ในแถบค้นหาของ Windows จากนั้นคลิก [Open].
  2. หากข้อความแจ้งเตือน User Account Control แสดงขึ้น กรุณาเลือก [Yes].
  3. ไม่ต้องเลือกกล่องข้อความ [Back up system files to the recovery drive] จากนั้นเลือก [Next].
    หมายเหตุ: ขั้นตอนต่อไปนี้จะสำรองข้อมูลระบบของคุณผ่านอิมเมจระบบ (รวมถึงโปรแกรมและไฟล์ส่วนตัวของคุณ) โดยที่คุณไม่ต้องสำรองระบบเป็นไดรฟ์กู้คืนในขั้นตอนนี้ (การสำรองระบบจะไม่รวมถึงโปรแกรมและไฟล์ส่วนตัวของคุณ)
  4. เชื่อมต่อ USB แฟลชไดรฟ์ที่คุณต้องการสร้างอุปกรณ์เพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment ของคอมพิวเตอร์คุณ
    หมายเหตุ: ทุกไฟล์ใน USB แฟลชไดรฟ์จะถูกลบระหว่างกระบวนการนี้ ดังนั้นกรุณาสำรองไฟล์ก่อนหากคุณมีข้อมูลในแฟลชไดรฟ์อยู่ก่อนแล้ว
  5. ที่ Available drive(s) ตรวจสอบและเลือก USB แฟลชไดรฟ์ที่คุณต้องการใช้งาน จากนั้นเลือก [Next].
    หมายเหตุ: หากคุณจะใช้ USB ฮาร์ดไดรฟ์เสริม เพื่อบันทึกอิมเมจระบบ คุณสามารถเชื่อมต่ออันเดียวกันเพื่อสร้างอุปกรณ์เพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment (Windows จะสร้างพาร์ทิชันบน USB ฮาร์ดไดรฟ์เสริมโดยอัตโนมัติ)
  6. เลือก [Create] และระบบจะเริ่มสร้างไดรฟ์กู้คืน ซึ่งจะใช้เวลาสักพัก โดยขึ้นอยู่กับสเปคตัวเครื่องและไซส์ของอุปกรณ์ซ่อมแซม 
    หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำการเสียบอะแดปเตอร์ในระหว่างกระบวนการ และกรุณาอย่าบังคับปิดเครื่อง เพื่อป้องกันการสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
  7. ไดรฟ์กู้คืน (อุปกรณ์สำหรับบู๊ต) ได้ถูกสร้างแล้ว กรุณาคลิก [Finish].
  8. หากคุณสร้างอุปกรณ์สำหรับบู๊ตผ่าน USB ฮาร์ดไดรฟ์เสริม และใช้อันเดียวกันในการบันทึกอิมเมจระบบ กรุณาดำเนินการต่อตามขั้นตอนต่อไปนี้
    พื้นที่ที่เหลือคือสถานะที่ไม่ได้ถูกจัดสรรในฮาร์ดไดรฟ์ USB ภายนอก เนื่องจากการสร้างไดรฟ์กู้คืน

    ก่อนสร้างอิมเมจระบบ คุณต้องสร้างพาร์ติชันใหม่ด้วยตนเองและ ตั้งค่ารูปแบบเป็นประเภท NTFS คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ [Windows 10] พาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ ย่อขนาด และขยาย เพื่อสร้างพาร์ติชั่นใหม่ได้ที่นี่

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

สร้าง System Image

เนื่องจาก Windows จะอัปเดตและปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยตลอดจนประสิทธิภาพเป็นประจำ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณทำซ้ำขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อสร้างภาพจำลองระบบใหม่และสำรองโปรแกรมและไฟล์ส่วนบุคคลของคุณ

  1. พิมพ์และค้นหา [Control Panel] ที่แถบค้นหาของ Windows จากนั้นคลิก [Open].
  2. ที่ System and Security เลือก [Backup and Restore (Windows 7)].
  3. เลือก [Create a system image].
  4. ที่ On a hard disk เลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการบันทึกอิมเมจระบบ จากนั้นเลือก [Next].
  5. ระบบแสดงรายการไดรฟ์ที่จะสำรองข้อมูลและพื้นที่ดิสก์ที่ต้องการ กรุณาเลือก [Start backup] เพื่อเริ่มสร้างอิมเมจระบบ ซึ่งจะใช้เวลาสักพัก โดยขึ้นอยู่กับสเปคตัวเครื่องและขนาดของอิมเมจระบบ ในตัวอย่างนี้ อาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการสำรองอิมเมจระบบขนาด 44 GB
    หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำการเสียบอะแดปเตอร์ในระหว่างกระบวนการ และกรุณาอย่าบังคับปิดเครื่อง เพื่อป้องกันการสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
  6. คุณจะได้ข้อความแจ้งเตือนตามด้านล่างในระหว่างการสร้าง กรุณาเลือก [No].
    ขั้นตอนนี้เพื่อสร้างตัวซ่อมระบบเป็น CD/DVD ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment อย่างไรก็ตาม เราได้ทำการ สร้าง USB แฟลชไดรฟ์สำหรับการซ่อมแซมระบบ ในหัวข้อที่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องสร้าง CD/DVD สำหรับการซ่อมแซมระบบ
  7. การสร้างอิมเมจระบบเสร็จสิ้น กรุณาเลือก [Close].
  8. ที่ไดรฟ์ที่คุณสำรองข้อมูล จะมีโฟลเดอร์ WindowsImageBackup ที่มีอิมเมจระบบอยู่
    หากคุณต้องการเก็บอิมเมจระบบเดิมไว้ คุณสามารถสำเนาทั้งโฟลเดอร์ WindowsImageBackup ไปที่โลเคชันใหม่ จากนั้นสร้างอิมเมจระบบใหม่

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

ใช้ System Image เพื่อกู้คืนคอมพิวเตอร์ของคุณ

หากคุณพบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถบู๊ตได้ คุณสามารถใช้ไดรฟ์กู้คืนเพื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment (WinRE) จากนั้นทำการกู้คืนคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านอิมเมจระบบ

  1. เชื่อมต่อไดรฟ์กู้คืน (USB แฟลชไดรฟ์) ที่คุณสร้างในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีการสร้างแฟลชไดรฟ์ USB ซึ่งสามารถเข้าสู่ Windows Recovery Environment
  2. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเลือกตัวเลือกการบู๊ตเป็นแฟลชไดรฟ์ USB คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีการบู๊ตระบบจาก USB drive/CD-ROM.
  3. คอมพิวเตอร์จะเข้าสู่ Windows Recovery Environment จากนั้นเลือกภาษา
  4. เลือกรูปแบบคีย์บอร์ดของคุณ
  5. เลือก [Troubleshoot].
  6. เลือก [Advanced options].
  7. เลือก [System Image Recovery].
  8. เลือก [Windows 10].
  9. ระบบจะหาอิมเมจระบบล่าสุดโดยอัตโนมัติ

    คุณสามารถเลือกอิมเมจระบบด้วยตนเอง เลือก [Select a system image] จากนั้นเลือก [Next].

          

          10.เลือกที่ที่คุณต้องการใช้อิมเมจระบบจากนั้นคลิก [Next].
           หากคุณต้องการบันทึกอิมเมจระบบที่ฮาร์ดดิสก์เสริม กรุณาเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ จากนั้นเลือก Refresh
         

         11. ระบบจะแสดงอิมเมจระบบที่พร้อมใช้งานในไดรฟ์นี้ กรุณาเลือกอิมเมจระบบที่คุณต้องการกู้คืน จากนั้นเลือก [Next].
           

          12.คุณสามารถฟอแมตและสร้างพาร์ทิชันในดิสก์ที่มีอยู่ตามต้องการ และคลิก [Next].
           

          13. ตรวจสอบรายละเอียดอิมเมจระบบที่กู้คืน จากนั้นเลือก [Finish].
            

             14. ระบบจะแจ้งเตือนคุณว่า ข้อมูลทั้งหมดที่คุณทำการกู้คืนจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลของอิมเมจระบบ เลือก [Yes] เพื่อเริ่มกระบวนการกู้คืน
           

           15.คอมพิวเตอร์ของคุณได้ทำการกู้คืนเรียบร้อยแล้วและจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติใน 60 วินาที คุณสามารถเลือก [Restart now] จากนั้นคอมพิวเตอร์ของคุณจะเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows หลังจากรีสตาร์ท
          v

 

กลับเข้าสู่เนื้อหา

 

 

ภาคผนวก: คอมพิวเตอร์ของฉันมีดิสก์เท่าไร

Some devices may have a hard drive only, but it was divided into two partitions by default (such as there are drive C and drive D on the same disk). You can refer to the following method to confirm how many disks on your device.

  1. Right-click the [Start] icon on the taskbar, and then select [Disk Management]. (The left-side illustration below is in Windows 11, and the right-side is Windows 10.)   
  2. If drive C and drive D on different disks, it means there are two physical hard drives / SSDs on your device. (Such as the following example, drive C is on disk 1, and drive D is on disk 0.)   
      
    If drive C and drive D on the same disk, it means there is only one physical hard drive / SSD on your device. (Such as the following example, drive C and drive D both are on disk 1.)   

กลับเข้าสู่เนื้อหา